Share

spider-man no way home

spider-man no way home

spider-man no way home เป็นครั้งแรกที่ Spider-Man ไม่ต้องหลบซ่อนใต้หน้ากากอีกต่อไป แล้วก็เขาไม่อาจจะแยกชีวิตในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ออกจากชีวิตธรรมดาได้อีกต่อไป เมื่อเขาไปขอให้ด็อกเตอร์สเตรนจ์ช่วยเหลือ แม้กระนั้นมันกลายเป็นวุ่นวายกว่าเดิม

บังคับให้เขาต้องหาทางแก้และหาความหมายของการเป็นสไปเดอร์แมน หนังประเด็นนี้จะชี้แนะสิ่งที่เรียกว่า Multiverse ในจักรวาลมาร์เวลอย่างเป็นทางการ พร้อมๆกับคนร้ายจากทั้ง Spider-Man และ The Amazing spider- man no way home ก็จะมาปรากฎตัวด้วยเช่นเดียวกัน

spider-man no way home

ได้คะแนนวิภาควิจารณ์ Rotten Tomatoes

ในรอบพรีเมียร์ไป 100%เมื่อคืนนี้วันที่ 14 เดือนธันวาคม 2021 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เป็นการฉายรอบพรีเมียร์ของ ‘Spider-Man: No Way Home’ ที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ โดยภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรสุดยิ่งใหญ่ที่แฟนคลับMCU spider man no way home คอยประเด็นนี้

ได้คะแนนวิภาควิจารณ์ใน Rotten Tomatoes ซึ่งเป็นเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์มีชื่อไปในระดับ ‘Certified Fresh’ ที่ 100% จากปริมาณ 45 คำติชมอย่างไรก็แล้วแต่ หากว่าในในเวลานี้ (15 ธันวาคม 2021)   ได้คะแนนวิจารณ์ต่ำลงไปน้อย มาอยู่ที่ 98% โดยมีหลายคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ยกย่องว่าสามารถสร้างสามภาค  ได้ดีเยี่ยม

กลายเป็นภาพยนตร์ Spidey ในแฟรนไชส์ MCU ที่ทำสกอร์วิภาควิจารณ์บน Rotten Tomatoes สูงสุด เหนือ ‘Spider-Man: Homecoming’ และ ‘Spider-Man: Far From Home’ ที่ทำเป็น 92% รวมทั้ง 90% ตามลำดับ

‘Spider-Man: No Way Home’

เป็นเลิศในภาพยนตร์ MCU ที่แฟนคลับทั่วทั้งโลกตั้งความหวังเอาไว้มากที่สุด โดยเป็นการกลับมาในรูปภาพยนตร์ฉายลำพังของ Spider-Man ที่สวมบทบาทโดย ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) เป็นครั้งที่ 3 ภายหลังจากที่ Sony Pictures และก็ Marvel Studios ได้ประสบผลสำเร็จอย่างมหาศาลกับ spider man Homecoming’ ในปี 2017 และก็ ‘Spider-Man: Far From Home’ ในปี 2019

สำหรับ ‘Spider-Man: No Way Home’ นั้น เป็นการเปิดกว้างสู่จักรวาล Multiverse อย่างสุดกำลัง ซึ่งให้โอกาสให้ผู้สร้างสามารถนำตัวร้ายจากสามภาค ‘Spider-Man’ ของ แซม ไรมี (Sam Raimi) แล้วก็ ‘The Amazing Spider-Man’ ทั้ง 2 ภาค ของ มาร์ก เวบบ์ (Marc Webb) มารวมตัวกันในภาพยนตร์ประเด็นนี้ได้อย่างน่าสนใจ

รีวิว ไม่สปอย | ทุกครั้งที่มีคนถามคำถามว่า ถูกใจซุปเปอร์ ฮีโร่ใครสูงที่สุด

คำตอบที่ผมจะให้ทุกครั้งเลยก็คือ Spider-Man แล้วก็ผมคิดว่า Spider-Man ภาคนี้เป็นภาคที่เหมาะสมที่สุดปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ฉบับ ทอม ฮอลแลนด์ ทำให้เตือนสติผมอีกรอบว่าทำไมการ์ตูนถึงมีหน้าที่กับชีวิตเรา แล้วก็ทำให้ผมนึกอยากกลับไปดูการ์ตูนทุกหน ด้วยเหตุว่าด้วยความขี้เล่น ความร่าเริงและความเนิร์ดของบทละคร และที่สำคัญตัวผู้แสดงเองก็เคมีเข้ากับการเป็นสไปเดอร์แมนสุดๆ

No Way Home

เป็นภาคที่ถูกมุ่งหวังเป็นอย่างมาก หลังจากจบเฟส 3 ในภาพยนตร์สังกัดจักรวาลมาร์เวล เนื่องจากว่านักแสดงที่เป็นตัวชูโรงอย่าง กัปตันอเมริกา และไอออนแมน หรือแม้แต่ โลกิ ฮอกอาย แบล็ควิลโดว์ก็ถูกลดบทบาทไปทำเป็นซีรีส์

หรือไม่ก็ล่ำลาบทกันไปเป็นที่เป็นระเบียบเรียบร้อยทำ No Way Home ไม่ง่ายปัจจุบันนี้มีสปอยออกมาเต็มไปหมดในโลกโซเชียลทำให้แฟนๆจะต้องหลบกันอย่างแรงละหวัน ผู้กำกับ จอนวัตส์ และคณะทำงานทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมากเป็นการผสม จักรวาลของมาเวลฉบับ

ภาพยนตร์แล้วก็คอมมิคออกมาได้อย่างพอดี No Way Home เป็นการสร้างภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยไอเดียรวมทั้งแรงบันดาลใจ แต่แนวทางการทำออกมานั้นไม่ง่าย เพราะภาพยนตร์ก่อนหน้าอย่าง Eternal ก็ถูกวิจารณ์ไปหนาหูเรื่องของความเยอะเกินไป แต่ว่า No Way Home ถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างดี นำมาซึ่งตอนจบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ที่แลกมาพร้อมกับหน้าที่ตัวละครบางตัวที่คุณหลงลืมเขาไป

Timeline ของภาพยนตร์ประเด็นนี้

No Way Home เป็นภาคที่เกิดขึ้นภายหลังจาก Far From Home แบบปัจจุบันทันด่วนหลังจาก วายร้ายที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลอย่าง มิสเตอร์ริโอ้ได้ทิ้งบอมพ์ลูกโตกับปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ว่าเขาเป็นคนฆ่า และเป็นวายร้ายในคราบฮีโร่อย่างสไปเดอร์แมน ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยเรื่องนี้อย่างที่เรารู้กัน และมันทำให้เกิดผลกระทบต่อ แฟนสาวทั้งในหน้าจอรวมทั้งนอกจอ M.J. (Zendaya) และเพื่อนซี้อย่าง Ned (Jacob Batalon)

ต่อไปทั้งสามคนก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของวัยรุ่นทั่วๆไปคือการเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งตรงนี้เป็นข้อจำกัดให้เขาไม่อาจจะไปพบเจอกับโลกด้านนอกได้ปาร์คเกอร์ ก็เลยไปขอให้ หมอแปลกจัดการเคลียเรื่องทุกๆสิ่งทุกๆอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อยภายหลังรู้จักกันในขณะที่จำเป็นต้องต่อกรกับทานอส แผนของปาร์คเกอร์มีความต้องการทำให้ทุกคนในโลกลืมไปว่าเขาเป็นสไปเดอร์แมน แต่ว่าระหว่างร่ายมนต์อยู่นั้น

เขาก็ฉุกคิดได้ว่าไม่ต้องการให้ป้าเมย์ แล้วก็เนด รวมทั้ง M.J. ลืมไปว่าเขาเป็นสไปเดอร์แมน ปัญหาจึงเกิดขึ้นนี้ก่อให้เกิดการทับซ้อนของการร่ายเวทมนต์ไม่ดำเนินตามไปอย่างที่มันจะต้องเป็น ก็อย่างที่เราทราบทำให้พวกเราได้เจอ Green Goblin ( Willem Dafoe ) และก็ Doc Ock (Alfred Molina)

ฉบับโทบี้ ปรากฏให้เรามองเห็นกันไม่เคยทราบว่าจะเอาอะไรมาผิดหวังได้!รวมรีวิวชุดแรกของ สุดท้าย วันที่หลายๆคนรอคอยก็มาถึง สำหรับฤดู   No Way Home ที่ปัจจุบันเพิ่งจะจัดฉายรอบรอบปฐมฤกษ์ไปหมาดๆแรงรีวิวออกมาในแง่บวกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลบแม้กระทั้งนิดหนึ่ง

หลายเสียงพูดตรงกันว่าหนังหัวข้อนี้จะพาคุณเหวี่ยงจากจุดที่เพลิดเพลินที่สุด ลงไปจุดที่มืดหม่นที่สุดเท่าที่สไปเดอร์แมนเคยทำมา ไปลองดูกันเลยดีกว่าว่าบรรดาสื่อมวลชนจากต่างประเทศเขาคิดอย่างไร กับหนังหัวข้อนี้บ้าง

“ในช่วงเวลานี้ มีเด็กๆมองผม เยอะแยะ

ผมมีความรับผิดชอบที่จำต้องทำให้ตัวเป็นเป็น Role Model ที่ดีเลิศขึ้น” เป็นคำสัมภาษณ์ของดาราชายหนุ่มชาวบริทิช ทอม ฮอลแลนด์ที่ให้เอาไว้ภายในงานรอบสื่อของสไปเดอร์แมน โนเวย์โฮม ซึ่งผู้ใดกันจะไปรู้ดีว่ามันเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยตรง

“Great Power comes to great responsibility” เป็นคำที่ติดตัวสไปเดอร์แมนมาทุกภาครวมถึงฉบับ Tom Holland ด้วย รวมทั้ง No Way Home ยิ่งชัดขึ้นไปอีกนะครับ ในภาคที่แล้วสไปเดอร์แมนก็ถามว่าเพราะอะไรควรเป็นเขา?

ผมเพียรพยายามมองภาพยนต์เรื่องนี้ในมุมมองของผู้กำกับว่าเขาคิดยังไงถึงเล่าแบบนี้ออกมา ก็ทำให้มีความรู้สึกว่า แม้พวกเราย้อนตนเองกลับไปในขณะ มัธยม6 ณ ตอนนั้นคงจะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้เข้ามหาลัยดีๆแล้วก็การที่โดนไม่ยอมรับจากมหาวิทยาลัยในฝันคงเศร้าใจไม่น้อยแล้วก็มันใหญ่มากๆโดยที่โลกจะแตกก็ได้แต่ว่าเราขอมีที่เรียนในฝันได้ไหม ?

ผู้กำกับแสดงมุมนี้ ผ่านผู้แสดงของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ แล้วก็ตัวละผู้อื่นด้วยแต่ว่าเดี๋ยวนี้เขาคือ Spider-Man เขาไม่ใช่เด็กปกติอีกต่อไป จะบ่งบอกถึงถึงผลกระทบต่อการตัดสินใจของเด็กหนุ่มสาวคนนึงที่เหตุการณ์บังคับให้เขาโตเยอะขึ้นเรื่อยๆดูภาพกว้างมากยิ่งขึ้นเนื่องจากว่าเรื่องเล็กๆบางเรื่องที่เขาตัดสินใจนั้นมันทำให้เกิดผลกระทบไปกับคนทั้งโลกได้เลย แล้วก็ภาคนี้ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ได้ศึกษาหัวข้อนั้นเต็มๆ

ภาพยนตร์ ซุปเปอร์ฮีโร่หลายต่อ หลายเรื่อง

พรีเซ็นท์ในมุมของความหมายของการเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ว่านี้คือครั้งแรกที่ถูกพรีเซ็นท์ผ่านปีเตอร์ปาร์คเกอร์ฉบับ น้องทอม ซึ่งมันแทรกเรื่องความเติบโตรวมทั้งการตัดสินใจที่มาพร้อมพลังอำนาจ รวมถึงการทรงอิทธิพลต่อโลกในฐานะ อเวนเจอร์ อีกด้วยก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาผู้กำกับอย่างจอห์น วัตต์

มิได้รับคำชมมากไม่น้อยเลยทีเดียวจาก Far From Home หรือ Home coming แต่ภาคนี้ผมแอบมีความรู้สึกว่าเราจำต้องให้เครดิตผู้กำกับและคณะทำงานเต็มๆเนื่องจากว่ามีฉากที่วิจิตรตระการตาอย่างมิติกระจกที่มีตัวอย่างออกมาก่อนหน้าของ สไปดี้ และ แพทย์แปลกในฉากที่มีรถไฟ เต็มไปด้วยอารมณ์แล้วก็ฉากแอคชั่นและก็คอมพิวเตอร์กราฟิคที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งนี้เป็นเยี่ยมในหนังของมาร์เวลที่เยี่ยมที่สุดในมุมมองของผม

https://besthookupreview.com/

My Review

Review Form...

Reviews

Loading Reviews...

You may also like...